ใช้หัวใจรักสร้างสรรค์ทุ่มสุดชีวิตบนทางที่ลิขิตแล้วของ‘เบน’



2015-07-20 00:00:00

ใช้หัวใจรักสร้างสรรค์ทุ่มสุดชีวิตบนทางที่ลิขิตแล้วของ‘เบน’

ใช้หัวใจรักสร้างสรรค์ทุ่มสุดชีวิตบนทางที่ลิขิตแล้ว ของ “เบน” ชลาทิศ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... มงคล บุญคุ้ม

    หากพูดถึง นักร้องคุณภาพคับแก้วแถวหน้าของเมืองไทย แน่นอนรายชื่อแรกๆที่ทุกคนคิดถึง ก็ต้องมีชื่อของ “เบน” ชลาทิศ ตันติวุฒิ ด้วยความสามารถ น้ำเสียงอันทรงพลัง และผลงานการแสดงที่ชัดเจน ที่ทุกคนต่างยอมรับกันถ้วนหน้า ล่าสุดเขาคนนี้กำลังจะมี คอนเสิร์ตครั้งใหญ่อีกครั้ง ในชีวิตของเขา กับ คอนเสิร์ต Born to be BEN “Come into My World โลกใบนี้ของฉัน” ในธีมโลกแฟนตาซี-ไซไฟของเบน ที่จะเกิดขึ้นใน เสาร์ที่ 25 กรกฎาคม ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี งานนี้ หน้าบันเทิง “คม ชัด ลึก” เลยไม่พลาดขอฉกตัวนักร้องคนนี้มานั่งพูดคุยกันให้ถึงใจกันสักหน่อย

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งใหม่

กว่าจะมาเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2

          คือมันผ่านไปประมาณ 2 ปี แล้ว แล้วผมรู้สึกว่าการจะมีคอนเสิร์ตสักครั้งหนึ่ง มันต้องมีความรู้สึกว่าอยากทำ แล้วครั้งนี้ เราก็อยากทำมากจริงๆ กว่า 2 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ไปทำอะไรมากมาย ที่มากกว่าการร้องเพลงด้วย ได้เล่นละคร ไปเป็นพิธีกร เป็นคอมเม้นเตเตอร์ ไปเล่นละครเวที ที่สำคัญที่สุด คืออัลบั้มชุดใหม่มันเสร็จแล้ว ซึ่งมีความรู้สึกว่ามันได้ถึงเวลาอีกครั้งหนึ่ง ที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ซึ่งเราลองคิดถึงว่า เรามีคอนเสิร์ตใหญ่ เราก็จะได้เหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่ง และมันก็จะดีไม่น้อย ถ้าเกิดเราได้รับเกียรติจากทุกคนมาเที่ยวในโลกของเรา เราก็เลยเป็นชื่อคอนเสิร์ตว่า "Born to be BEN Come into My World โลกใบนี้ของฉัน” ครั้งก่อนชื่อ "Born to be BEN ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้" เหมือนเป็นการเปิดโลกแนะนำตัวว่า เบน ชลาทิศ เป็นนักร้องเกิดมาเพื่อร้องเพลง พอเมื่อรู้จักว่าเบนคือใคร ทำอะไรแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงเวลา ที่จะเข้ามาสู่โลกของเบนกันบ้าง

ความพิเศษสำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้

          โอ้...บอกเลยว่ามันต้องแรดมากเลย แน่นอนทุกคน ไม่ได้มีอารมณ์เดียวตลอดเวลา คนนึกภาพเบนบนคอนเสิร์ตก็จะเป็นแบบอบอุ่น โรแมนติก หรือ เศร้า โชว์พลังเสียงร้องๆ ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้บอกเลยว่า เบน มีมากกว่านั้นให้คนดู มันมีทุกอารมณ์ แน่นอน คอนเสิร์ตครั้งนี้ตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมง เราก็คิดว่าก็น่าจะมีครบทุกรส ธีมครั้งนี้เป็นแฟนตาซีไซไฟ อาจจะขึ้นสลิง ปีนป่าย ผาดโผน สนุกสนาน เพราะถ้ามาเพียงแค่แบบว่ามายืนร้องเฉยๆ หรือว่าอะไรแบบว่าโปรดักชั่นมีแค่แบบหรู มีไฟฉายไปฉายมา บอกเลยอายตัวเอง ครั้งนี้มันต้องแรดกว่าเดิม เพราะว่าแน่นอน เรื่องแขกรับเชิญขอไม่บอกมาลุ้นหน้างาน จะมีผู้ชายมาให้เราสดชื่นขึ้นบ้างมั้ย ต้องคอยดู

อัลบั้มล่าสุด

อัลบั้มใหม่ล่าสุด หลังห่างหายไปจากการออกอัมลั้มเพลงเต็มไปกว่า 9 ปี

          ครั้งนี้เป็นอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 ในชีวิตมีความภูมิใจมาก ที่จะได้นำเสนอ เพราะว่าห่างจากอัลบั้มชุดที่แล้ว 9 ปี ถ้าเป็นคนอื่น ก็ไปทำมาหากินอย่างอื่นแล้ว(หัวเราะ) รู้สึกโชคดีที่ได้มีโอกาศได้มีจุดยืนให้อยู่ในวงการนี้มาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ หลายๆ ครั้งที่แฟนเพลงถามว่าเมื่อไหร่จะมีอัลบั้มใหม่ออกสักที แล้วเราก็ตอบไม่ได้ ครั้งนี้เป็นความภูมิใจว่าอัลบั้มเสร็จแล้วจะได้ฟังกัน ซึ่งเป็นเพลงใหม่ทั้งหมด จะมี 11 เพลง และยังมีอีก 15 เพลงไว้อีกแผ่นหนึ่ง จะมีสองแผ่น คือขายเป็นคู่ เราจะรวบรวมเพลงตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ให้ได้ฟังกันเป็นแผ่นคู่ และความพิเศษต่อไปอีก ก็คือใครที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ต “Come into My World โลกใบนี้ของฉัน” ข้างหลังบัตรจะมีรหัสสามารถไปขูดรหัสแล้วก็เข้าไปโหลดเพลงซิงเกิ้ลใหม่มี 3 เพลงให้ฟัง ซึ่งมันเริ่ดที่สุดในโลกนี้

ชีวิตกับเส้นทางมายา

ก้าวมาสู่วงการบันเทิงกี่ปีแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง

          ตอนนี้สำหรับวงการบันเทิงเราก็อยู่มา (ทำหน้านึก) ปีนี้ก็เข้า ปีที่ 15 แล้ว ไม่นานไปเนอะ ผมรู้สึกเป็นความโชคดีของเรา หลายๆ คนก็คงอาจจะรู้สึกว่าเบนไม่ได้เคยหายไปไหนเลย อาจจะโผ่ลมามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันด้วยซ้ำ แล้วก็อาจจะไปทำอะไรที่หลากหลายมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ เคยคิดนะว่าอยากจะเป็นนักร้องแค่อย่างเดียว แต่ตอนนี้มีคำว่าโอกาส ได้ไปเป็นพิธีกรบ้าง ไปเป็นเป็นคอมเม้นเตเตอร์บ้าง ได้เล่นหนัง ได้เล่นซีรีส์ บอกเลยต้องขอขอบคุณทุกๆ โอกาสจริงๆ

ชีวิตกว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

          มันก็ชิลๆของมันมาตลอดนะ เราไม่ใช่เป็นนักร้องที่แบบมาถึงก็ดังเปรี้ยงปร้างอะไร ไม่เหมือนเด็กๆ ในยุคนี้ที่เป็นแบบประกวดเดอะสตาร์ เอเอฟที่มาถึงแล้วก็พีคเลย เรื่องราวการเป็นนักร้องของผมมันเริ่มที่ เริ่มมาจาก จะทำเพลงอินดี้ ทำเพลงกับเพื่อนๆ อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง อยากมีเพลงของตัวเอง ก็แต่งเอง แล้วก็ทำเองแล้วปั๊มแผ่นขายเองแล้ว จนมีวันหนึ่ง ก็ส่งเข้าคลื่นวิทยุจนวันหนึ่งเพลงมันเข้าไปถึงหูพี่บอย โกสิยพงศ์ จึงเป็นโอกาสที่ดีของผม ที่พี่บอยหยิบยื่น ให้เข้ามาร่วมงานกับพี่บอย ได้เข้ามาร่วมงานกับเบเกอร์รี่ มิวสิค คือทุกอย่างมันเป็นขั้นตอนของมัน และเราก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะมีจุดที่พีคที่สุดในชีวิตการทำงานของเราด้วย ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะว่ามันมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ

กับ15 ปีที่ผ่านมาเหนื่อยบ้างไหม

          ต้องถามว่าเหนื่อยกับอะไรล่ะ ถ้าเป็นความเหน็ดเหนื่อย นอนพักผ่อนก็หายแล้ว แต่ถ้าเป็นงานที่เรารักตื่นมามีแรงก็อยากทำอีก ถ้าไม่รักก็ไม่อยากทำใช่มั้ยล่ะ เราไม่เคยฝืนทำอะไรมาจนถึง 15 ปี หรอก

จุดท้อแท้ในชีวิตที่ผ่านมา

          ถ้าพูดถึงเรื่องการทำงานนะ จะมีตอนที่ออกอัลบั้มชุดแรกเรารู้สึกคาดหวังมากว่า อยากให้มันออกมาดีที่สุด ก่อนหน้านี้เราก็มีร่วมงานกับพี่บอย มีเพลง คนข้างล่าง ซึ่งก็ติดชาร์ตอันดับ 1 ทั่วประเทศในตอนนั้น ทุกคนรู้จักเราจากเพลงนี้ เพลงใกล้ ก็เป็นเพลงโฆษณาปล่อยออกมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีอีก คือปล่อยเพลงอะไรมาก็ฮิตหมดเลย พอเรามีอัลบั้มเดี่ยวก็คาดหวังว่า มันจะต้องดังเท่านั้น แต่มันจะเป็นช่วงเดียวกับที่ค่ายเบเกอรี่ มีปัญหาแล้วทีมงาน ทุกอย่างก็ย้ายไปกันหมดเหลือแต่เราที่เป็นศิลปินไว้ ซึ่งอัลบั้มนั้น มันจึงก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น ช่วงนั้นรู้สึกเคว้งนิดหนึ่งเพราะว่าทุกคนที่ร่วมงาน พี่บอยทุกคนไปหมดเลย มีเราที่ค้างอยู่ แล้วก็พยายามรวบรวมสติทำงานร่วมงานกับทีมงานใหม่ๆ ก็เริ่มที่จะสนิทสนมกัน ก็ทำอัลบัมพิเศษ เป็นอัลบั้มเพลงคัฟเวอร์นำเพลงเก่าๆ มาร้องใหม่ แล้วได้ร่วมงานกับพี่หนึ่ง จักรวาล อัลบั้มกำลังจะออกโปรโมท พอดีช่วงนั้น บริษัท ทูบีเอ็มจี ก็ถูกโซนี่ เทกโอเวอร์อีกรอบ พนักงานก็ไปอีก เลยคิดว่าตอนนั้นมันเกิดไรขึ้นกับชีวิตเรานะ และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่เว้นระยะห่าง จากตอนที่แล้ว 9 ปี ด้วยความที่เราตั้งใจทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่แล้ว และคาดหวังเอาไว้มาก แล้วมาเกิดเหตุการณ์ ที่เราไม่ได้ตั้งรับกับมันถึง 2 ครั้งติดกัน มันเป็นเหมือนโรงงานใหญ่ๆ ที่อยู่ดีๆ ก็เหมือนเครื่องพังแล้ว พังอีก บางทีเราก็รับมือกับมันไม่ไหวเหมือนกัน เราก็เลยไม่ทำเพลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเว้นว่างไป

หลักในการทำงาน รวมไปถึงการดำเนินใช้ชีวิตและคติที่เรายึดมั่น

          เวลาที่เราจะทำอะไร เราเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนไม่ใช่เฉพาะนักร้อง การที่เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดี มันต้องเริ่มจากเรารักในสิ่งนั้นก่อน เรารัก เราชอบ เราอยากทำเมื่อเรารักในสิ่งนั้น เราก็พร้อมที่จะฝึกฝน พร้อมที่จะทำงานหนักกับมัน และพร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น หลายๆ ดารานักแสดงบางคน อาจจะคิดแค่รักชื่อเสียงของตัวเอง แต่ไม่ได้รักการเป็นดาราไม่ได้ชอบการแสดงไม่พัฒนาฝีมือตัวเอง บอกเลยมันอยู่ได้ไม่นานหรอก เหมือนกับทุกๆอาชีพ มันต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก มันต้องมีประสบการณ์ ซึ่งถ้าเราไม่รักมัน เราอยู่กับมันไม่ได้ทุกๆ วัน เราต่อสู้ไม่ได้ วันหนึ่งเราต้องผิดหวังกับงานของเรา อยากจะบอกทุกคนว่าให้รักในสิ่งที่ตัวเองทำ เมื่อเรารักไม่ว่าอะไรจะดีหรือไม่ดี หรือโอกาสจะมาหรือไม่มา เมื่อเรารัก เราจะฝึกฝนตัวเองเมื่อเราฝึกฝนตัวเอง เราก็จะมีศักยภาพมากกว่าคนที่เขาไม่ได้ฝึกฝนตัวเอง แล้ววันหนึ่งโอกาสมันจะมาถึงทุกคนเอง

เรื่องความรัก

เรื่องการใช้ชีวิตของเรา กับความรัก

          ผมไม่ได้ใช้ชีวิตวิเศษกว่าคนทั่วไป แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น แล้วก็แบบไม่เคยคิด ว่าตัวเองโรแมนติกกว่าคนอื่น หรือว่าชีวิตดีกว่าคนอื่นทั่วไป ผมคิดว่าชีวิตทุกคนมันเหมือนกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ ความรักเป็นเพียงต้นไม้ประดับไป แต่ว่าเราจะประคองความรัก เราจะดูแลความรู้สึกของคนที่เรารักยังไง มันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า ผมไม่ได้หวานโรแมนติกกันตลอดเวลา หรือว่าไม่ได้รักตลอดเวลา มันต้องมีวันที่รู้สึกว่าไม่พอใจกันก็มี เหมือนทั่วๆ ไปไม่ได้พิเศษ เราจะประคองความรู้สึกที่เรารักกับเขาได้นานขนาดไหนเท่านั้นเอง เพราะเราเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทุกคู่รักทุกคนก็ต้องฝ่าฟันกันไป

หลายๆ คนบอกว่าคู่ของเบนเหมือนเป็นไอดอลในการคบหากัน

          อืม...ก็ไม่อยากให้มองเป็นอะไร เพราะว่าเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราหรือว่าพิเศษอะไร แล้วก็ไม่ได้ซื้อของขวัญให้กันในวันพิเศษใดๆ เลย เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วๆไปดูแลกันและกัน แค่นั้นเอง แต่อย่างไร ก็ขอบคุณที่ให้เกียรติ ที่อย่างน้อย ณ ตอนนี้ที่เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แล้วก็มีความจริงใจให้แก่กันเท่านั้นก็พอ

“นี่แหละ....เบน ชลาทิศ”

.......................................

เขาคนนี้ชื่อ...ชลาทิศ ตันติวุฒิ

ชื่อเล่น เบน

เกิดวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ 2524

ผลงานที่ผ่านมา อัลบั้ม Ben Chalatit อัลบัม Impressions

ละครซี่รี่ย์ Club Friday The series 5 ตอนความลับของมิ้นต์กับมิว

ผลงานปัจจุบัน ละครซีรีส์์ มินต์กับมิว To be continued ทางช่อง GMM Channel /

คอนเสิร์ต Born to be BEN “Come into My World โลกใบนี้ของฉัน”

(ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20150718/209939.html)