ที่สุดแห่งความเวอร์วัง ที่สุดแห่งความอลังการ ในโลกของเบน ชลาทิศ



2015-07-31 00:00:00
ที่สุดแห่งความเวอร์วัง ที่สุดแห่งความอลังการ ในโลกของเบน ชลาทิศ

    "คอนเสิร์ตของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้" อีกหนึ่งประโยคแซ่บของ เบน ชลาทิศ ในคอนเสิร์ตที่สุดแห่งความเวอร์วังอลังการงานสร้าง ดาวสองร้อยสี่ล้านดวงเลยก็ว่าได้กับคอนเสิร์ต Born to be Ben โลกใบนี้ของฉัน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ที่งานนี้ เจ้าของคอนเสิร์ต ก็ได้ขนทั้งเพลงฮิต เพลงดัง มาโชว์แบบจัดเต็ม และยังไม่พอแค่นั้น มีขอเชิญเพื่อน พี่น้องในวงการ มาร่วมแสดงในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ของตัวเองด้วย แถมโปรดักซ์ชั่นยังอลังการ ถือว่าเริ่ดเข้าขั้น เทียบชั้นคอนเสิร์ตระดับอินเตอร์เลยก็ว่าได้ เพราะจัดเต็มด้วยพร๊อพแน่นเต็มเวที รวมทั้ง แสง สี เสียง สุดตระการตา

       เปิดคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยยานอวกาศทรงมงกุฎ ที่ลอยขึ้นเหนือเวที แล้วเบน ชลาทิศ ก็ปรากฎตัว ค่อยๆ ลอยลงมาแตะพื้นเวที ในเพลง Come into my world บ่งบอกเป็นนัยต์ๆ ให้กับผู้ชมว่า ตอนนี้ทุกคนได้เข้ามาสู่ โลกของ เบน ชลาทิศ กันแล้วนะ จากนั้นไปต่อกันที่เพลง Can't get you out of my head ดูเหมือนจะแค่โชว์ร้องเพลงธรรมดา แต่ระดับ เบน ชลาทิศแล้ว มันต้องไม่ต้องธรรมดาสิจ๊ะ เพราะงานนี้เบน ชลาทิศ ขอขึ้นเรือบอลลูน เหาะไปรอบๆ ฮอลล์ ให้ได้ใกล้ชิดกับผู้ชมและแฟนคลับมากยิ่งขึ้น และขออุ่นเครื่องความร้อนแรง ให้กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทั้งร้อง ทั้งออกเสต็ปแด๊นซ์ไปในเพลง Crazy in love ที่ทำเอาผู้ชมต่าง อึ้งไปทั้งฮอลล์ เพราะงานนี้ เบน ชลาทิศของเรา ทั้งร้องทั้งเต้นได้เป๊ะเวอร์!

    พักองศาความร้อนแรงด้วยเพลงเพราะๆ ซึ้งๆ กันบ้าง ที่งานนี้ เบน ชลาทิศ นำเพลงละครสุดฮิตมาขับร้อง พร้อมด้วยบรรเลงท่วงทำนองหวานเสนาะหูด้วยวง ออร์เคสตรา ในเพลง ยื้อ ประกอบละครเรื่อง ทรายสีเพลิง และ เพลง หมดหัวใจ จากละครเรื่อง ข้าบดินทร์ ละครสุดเลอค่าแห่งปีเลยก็ว่าได้ และไปต่อกันที่เพลงจากอัลบั้มล่าสุดของ เบน ชลาทิศ ในเพลง เหวรัก จากอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ‘9 (ในที่สุด)’ ก่อนจะร้องเพลงนี้ เจ้าตัวยังพูดติดตลกว่า กว่าจะได้มีอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ออกมาก็กินเวลาไปหลายปีนับตั้งแต่ออกอัลบั้มชุดแรกที่แอบแป้ก เล่นเอาฮากันทั้งฮอลล์ กับการจิกกัดตัวเองแบบแสบๆ คันๆ สไตล์ของเบน  ซึ่งกว่าจะได้มีอัลบั้มเต็มชุดนี้ เบน ชลาทิศ ก็ได้พิสูจน์ความสามารถมากมาย จนได้หวนกลับมาออกอัลบั้มเต็มได้อย่างสมศักดิ์ศรี

       จากนั้นก็ได้พบกับแขกรับเชิญที่มาผนึกกำลังดีว่า อย่าง นิว-จิ๋ว ที่ขอเปิดตัวด้วยเพลง Lady Marmalade ก่อนที่เจ้าของคอนเสิร์ต จะออกมาร่วมแจมในเวทีเล็ก กลางฮอล ในเพลงดาว, เก็บดาว และเพลงความลับ แบบรวมมิตรทั้งสามเพลงเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนจะกลับไปแสดงบนเวทีใหญ่ในเพลง Kiss และจบด้วยเพลง บีบมือ ก่อนจะกล่าวอำลาแขกรับเชิญกลุ่มแรก เพื่อเข้าสู่ช่วงถัดไปใน ชลาทิศ การละคร ที่เบนได้นำบทบาทมิว จากเรื่องมิ้นกับมิว ซีรีย์สุดฮิตจาก คลับฟลายเดย์ เดอะซีรีย์ มาทำเป็นมิวสิคเคิลเล็กๆ แต่แสดงใหญ่เวอร์รัชดาลัยเธียเตอร์มากๆ ด้วยเพลงแรกอย่าง คืนสุดท้าย ในบทบาทของพนักงานเงินเดือนสุดน่าสงสาร โดนเด็กช่างรีดไถ่เงิน แต่ได้แขกรับเชิญอย่างเต๋า สมชาย มาช่วยเอาไว้ ต่างฝ่ายต่างจีบกันไปมาด้วยเพลง รักเดียว และสาวเทคนิค หลังจากเต๋า สมชาย บอกจะให้แม่มาขอน้องมิวแล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรัดเกล้า อามระดิษ ในบทแย้ม ตัวจริงเสียงจริง โผล่ขึ้นมาบนเวทีด้วยเพลงจากละครเรตติ้งอันดับหนึ่งของปีนี้อย่าง สุดแค้นแสนรัก กับเพลงเจ็บนี้จำจนตาย ก็เล่นเอาผู้ชมฮือฮาไปทั้งฮอลเพราะ แย้มคนนี้ดันเป็นแฟนสาวของมิวซะนี่ งานนี้มิวก็ต้องพิสูจน์ความจริงว่า รักกับผู้ชายอย่างพี่สมชายแบบจริงจัง จึงต้อง ควักหัวใจ ออกมาพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลย ด้วยการปิดท้ายช่วงมิวสิคเคิลด้วยเพลง ควักหัวใจ แล้วต่อด้วยฉากเลิฟซีนที่ทำเอาผู้ชมกรีดร้องไปทั้งฮอลด้วย คิสซีน ของมิวและพี่สมชาย แบบถึงน้ำถึงเนื้อ จูบจริงไม่แสตนอินใดๆ 


     หลังจากนั้นเบน ก็ฝากเวทีให้กับคอรัส ที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นคิว วงฟลัวร์ ที่ควงแฟนสาวอย่างน้องแนทมาด้วย รวมถึงคุณมาเรีย และเดียร์ วง อะแคปเปล่า มาขับกล่อมประสานเสียงเพลงเพราะๆ ไม่ว่าจะเป็น สีเทา เรื่องจริง หยุด และฤดูที่ฉันเหงา ให้กับผู้ชมได้ฟังกัน ก่อนที่เบน ชลาทิศ จะปรากฎตัวขึ้นมาด้านล่างของเวที ในเพลง คนข้างล่าง ให้ผู้ชมและแฟนคลับได้ใกล้ชิด ถึงเนื้อถึงตัวกันสุดๆ ก่อนจะพบกับแขกรับเชิญท่านถัดไป อย่าง แอม เสาวลักษณ์ ในบทเพลง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่แต่งโดย พี่นิ่ม สีฟ้า บทเพลงที่มอบให้แด่ทุกชีวิต ที่มีความฝัน มีความหวัง มีความรัก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย หรือเพศที่สามก็ตาม เพราะทุกคนล้วนมีสิทธิเป็นตัวของตัวเอง เป็นสิ่งที่ตัวเองอย่างจะเป็น และปิดท้ายด้วยที่เบน ได้ร้องเพลง กับพี่ที่เคารพอย่าง แอม เสาวลักษณ์ ในเพลง รัก บทเพลงที่ขับร้องโดย ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ 


      เมื่อจบช่วงซึ้งๆ เบน ชลาทิศก็ขอปลุกความสดใสของทุกคน ด้วยการย้อนวัยไปในอดีตวัยเด็ก ด้วยวีทีอาร์ที่เล่าถึงตัวตนของเขาตั้งแต่เด็กจนโต ว่าโตมาอย่างไร เปิดตัวด้วยชุดสีขาวสะอาดตา และขอเรียกช่วงนี้ว่า "โตมาอย่างเงี้ย" พร้อมกับนำผู้ชมเข้าสู่ช่วงการแสดงแบบดีว่าๆ ในบทเพลง Like a Virgin ของ Madonna แถมยังมีพร๊อพเป็นชุดที่ตัวเองใฝ่ฝันอยากจะใส่ นั่นก็คือ ชุดเจ้าสาวนั่นเอง แล้วเสียงกรี๊ดจากผู้ชมก็ดังขึ้นมา เพราะบนจอมีเบน ชลาทิศ เวอร์ชั่นมาดอนน่า ออกมาโลดแล่นน่ะสิ แล้วต่อกันด้วยเพลงช้าซึ้งๆ อมตะ นิรันดร์กาลของ Whitney Houston กับเพลง I Have Nothing จากนั้นก็ไปกันที่เพลงจากดีว่าเพลงป๊อปอย่าง Britney Spear ในเพลง Baby one more time ที่เสียงกรี๊ดจากผู้ชมก็ดังขึ้นมาอีก เพราะบนจอขนาดยักษ์มีเบน เวอร์ชั่นบริทนีย์ผมเปียน่ารัก ขี้เล่น แสนซนอยู่นั่นเอง และยิ่งพีคเข้าไปอีกกับดีว่าคนถัดไปที่เบน ชลาทิศนำเพลงของเธอคนนั้นมาร้อง ซึ่งก็คือเพลง Wrecking Ball ของ Miley Cyrus สำหรับคนที่ได้ดูเอ็มวีเพลงนี้จะต้องรู้กันอยู่แล้วว่าเอ็มวีเผ็ดแค่ไหน งานนี้เบน ชลาทิศ ขอทุ่มสุดตัว วิ่งไปกระโดดโหนลูกตุ้มดิสโก้เหมือนในเอ็มวี เรียกเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือจากผู้ชมและแฟนๆ จนดังกระหึ่มฮอลแทบแตก 

และกลับมาที่ฝั่งไทยกันบ้างงานนี้ เบน เลือกแต่เพลงดังๆ เต้นสนุก มาเอ็นเตอร์เทนคนทั้งฮอลให้ลุกขึ้นมาเต้น มาขยับโยกย้ายกันในเพลง ชายในฝัน, แมงมุม, เสือ, แมลง และ โอ๊ะ โอ๊ย แต่ละเพลงที่นำมาแสดงนี้ ล้วนเป็นเพลงดังเพลงฮิต ที่ทุกคนที่ท่านยุคของเพลงต่างๆ ดี ต้องร้องเต้นตามได้แน่นอน เป็นช่วงที่สนุกสุดๆ เพราะมองไปทางไหน ก็มีแต่ผู้ชมและแฟนๆ ลุกขึ้นมาร้อง และเต้นไปกับ เบน กันแทบทั้งฮอลล์

        ก่อนจะจบ ก่อนจะจาก เบน ชลาทิศก็ขอทิ้งท้ายด้วยเพลงดังอย่าง โอ๊ย โอ๊ย และ เพลงของเธอ เพื่อปิดคอนเสิร์ตเดี่ยว สุดยิ่งใหญ่ อลังการ สมคำล่ำลือ ใน Born to be Ben โลกใบนี้ของฉันได้อย่างประทับใจ แน่นอนว่าท้ายที่สุดนี้ก็ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี และผู้ชม แฟนๆ ของ เบน ชลาทิศ ที่มาร่วมสร้างประวัติศาสต์ของความเวอร์วัง ในคอนเสิร์ตใหญ่ของ เบน ชลาทิศ คนนี้