"ตอนนี้มันรู้สึกแปลกๆแล้ว’’

แม้ Lana Del Reyได้สร้างนิยามความงามด้วยความเป็นอเมริกันของเธอ แต่อย่าหวังว่าเธอจะโชว์เพลงกับธงชาติอมเมริกันอีกในเร็วๆนี้

เธอได้ให้สัมภาษณ์กับPitchfork เกี่ยวกับLust for Lifeอัลบั้มที่4ของเธอ ซึ่งได้ปล่อยมาในวันศุกร์นี้ โดยเธอได้ให้เผยความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของประเทศภายใต้การนำของประธานาธิบดีDonald Trump และผลกระทบต่อการเขียนเพลงและภาพลักษณ์ที่แสดงตัวตนของเธอ เมื่อถูกถามว่ามันยากหรือไม่ที่จะรู้สึกโรแมนติคกับอเมริกาเมื่อTrump เป็นประธานาธิบดี เธอตอบว่า ‘’มันรู้สึกน่าอึดอัด’’

 "แน่นอนเลยฉันเปลี่ยนภาพในวิดีโอทัวร์ออก’’ เธอกล่าวต่อ ‘’ฉันไม่มีทางร้องเพลง'Born to Die.'กับธงชาติอเมริกันแน่นอน มันไม่มีทางเกิดขึ้น เป็นภาพนิ่งไปเลยดีกว่า ฉันรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ฉันคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่จะใช้ธงชาติอเมริกันที่ฝรั่งเศส มันคงรู้สึกแปลกแล้วตอนนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นตอนปี2013’’

 "ทุกคนในสตูดิโอไม่รู้ว่าจะคุยกันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เราไม่เคยทำมาก่อน  แต่ทุกๆวันช่วงระหว่างการเลือกตั้ง  คุณจะตื่นขึ้นมาและพบว่ามีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น ที่เกาหลีเหนือ  เมื่อตอนที่ระเบิดมิสไซล์เล็งมาทางชายฝั่งตะวันตก ด้วยเพลง'When the World Was at War We Kept Dancing,' ฉํนตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่มันเป็นจุดจบของยุคหรือเปล่า? เหมือนตอนกรุงโรมล่มสลายใช่ไหม?

ประเด็นขยายไปที่เรื่องของสิทธิสตรีเช่นเดียวกับเรื่องสงครามและTrump เป็นหัวข้อที่Lanaกล่าวว่าเธอไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องโฟกัสในอัลบั้มที่ผ่านๆมา 

"มันเหมาะกับตอนนี้มากกว่ายุคที่โอบาม่าบริหารซึ่งคนส่วนใหญ่รุ้สึกปลอดภัย มันเป็นช่วงเวลาที่ดี เรามีแต่ดีขึ้นดีขึ้น’’ เธอกล่าว "ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยน้อยลงโดยทันทีภายใต้การบริหารประเทศนี้ ถ้าพวกเขายกเลิกการวางแผนครอบครัว หรือถ้าพวกเราไม่สามารถคุมกำเนิดได้ล่ะจะเป็นยังไง? ตอนนี้ถ้าคนถามคำถามเหล่านี้กับฉัน ฉันจะรู้สึกต่างไปนิดหน่อย เมื่อคุณมีผู้นำระดับสูงซึ่งรู้สึกตลกกับสิ่งเหล่านี้ มันดึงเอาลักษณะบกพร่องที่มีอยู่ในตัวคนที่มีแนวโน้มจะมีความรุนแรงต่อผู้หญิงอยู่แล้วออกมา’’

เธอยังกล่าวต่อว่า "เมื่อก่อนเมื่อคนถามคำถามเกี่ยวกับสิทธิสตรี ฉันก็จะแบบ ‘โดยส่วนตัวฉันไม่เคยเจอการแบ่งแยกทางเพศ ฉันโอเค ฉันได้ขึ้นแสดงโชว์เหมือนกับthe Weeknd ฉันมีผู้หญิงมากมายในชีวิต และฉันรักพวกเขา ฉันรู้สึกแบบว่า ทำไมเราถึงไม่คุยเรื่องดนตรีกันก่อนล่ะ? สิ่งที่ฉันทำเพื่อผู้หญิงบอกเล่าเรื่องราวของฉัน และนั่นเป็นสิ่งที่เราทุกคนทำได้’’

Cr.billboard

Translated by: Wanrawee Kongkraphan